ทองหลางใบด่าง

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ทองหลางใบด่าง

ชื่อเครื่องยา ทองหลางใบด่าง
ชื่ออื่นๆของเครื่องยา
ได้จาก เปลือกต้น
ชื่อพืชที่ให้เครื่องยา ทองหลางใบด่าง
ชื่ออื่น (ของพืชที่ให้เครื่องยา) ทองหลางลาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Erythrina variegata L.
ชื่อพ้อง Chirocalyx candolleanus Walp., Chirocalyx divaricatus Walp., Chirocalyx indicus Walp., Chirocalyx pictus Walp., Corallodendron divaricatum (Moc. & Sesse) Kuntze, Corallodendron orientale (L.) Kuntze, Corallodendron spathaceum (DC.) Kuntze, Erythrina alba Cogn. & Marchal, Erythrina boninensis Tuyama, Erythrina carnea Blanco, Erythrina corallodendron Lour., .Erythrina divaricata DC., Erythrina indica Lam., Erythrina lithosperma Miq., Erythrina lobulata Miq., Erythrina loueiri G.Don, Erythrina marmorata Planch., Erythrina mysorensis Gamble, Erythrina orientalis Murray, Erythrina parcelli hort., Erythrina phlebocarpa Bailey, Erythrina picta L., Erythrina rostrata Ridl., Erythrina spathacea DC., Gelala alba Rumph., Gelala litorea Rumph., Tetradapa javanorum
ชื่อวงศ์ Leguminosae

ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:

          ผิวเปลือกต้นสีเทา มีหนามเล็กแหลมคม เนื้อเปลือกสีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาล

 

เครื่องยา เปลือกต้นทองหลางใบด่าง

 

เครื่องยา เปลือกต้นทองหลางใบด่าง

 

เครื่องยา เปลือกต้นทองหลางใบด่าง

 

ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:

       ไม่มีข้อมูล

 

สรรพคุณ:

       ตำรายาไทย  เปลือกต้น รสเฝื่อนขม ต้มน้ำดื่ม แก้โรคตับ ลดไข้ แก้ปวดท้อง บดเป็นผงอุดฟันแก้ปวด แก้เสมหะ แก้ลมเป็นพิษ หยอดตาแก้ตาแดง ตาฝ้าฟางและตาแฉะ

      บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ระบุการใช้ทองหลางในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของเปลือกต้นทองหลางร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดตามเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา

 

รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา:

  ไม่มีข้อมูล

 

องค์ประกอบทางเคมี:

                   พบสารฟลาโวนอย์ กลุ่ม isoflavone จากเปลือกทองหลางใบด่าง ได้แก่

1.       5,4’-dihydroxy-8-(3,3-dimethylallyl)-2’'-methoxyisopropylfurano[4,5:6,7]isoflavone

2.       5,7,4’trihydroxy-6-(3,3-dimethylallyloxiranylmethyl)isoflavone

3.       5,4’-dihydroxy-8-(3,3-dimethylallyl)-2’'-hydroxymethyl-2'’-methylpyrano[5,6:6,7]isoflavone

4.       5,4’-dihydroxy-2’-methoxy-8-(3,3-dimethylallyl)-2'’,2'dimethyl pyrano[5,6:6,7]isoflavanone (Xiaoli, et al., 2006)

                        มีรายงานพบสารisoflavoneจากส่วนสกัดเมทานอลของเปลือกต้น ได้แก่ alpinum isoflavone, 6-hydroxygenistein, 3β,28-dihydroxyolean-12-ene และ epilupeol (Rahman, et al.,2010)

                        สารอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ euchrenone b10, isoerysenegalensein E, wighteone, laburnetin, lupiwighteone, erythrodiol และ oleanolic acid (Xiaoli, et al., 2006)

 

การศึกษาทางเภสัชวิทยา:

ฤทธิ์ป้องกันโรคกระดูกพรุน

      ศึกษาผลของสารสกัดเปลือกต้นทองหลางใบด่างด้วย 65% เอทานอล ต่อภาวะกระดูกพรุนของหนูขาวที่ถูกตัดรังไข่ โดยป้อนสารสกัดทองหลางใบด่างในขนาดต่ำ 300 mg/kg และขนาดสูง 600 mg/kg แก่หนูขาวเพศเมีย ทุกวันเป็นเวลา 14 สัปดาห์ พบว่าสามารถป้องกันภาวะกระดูกพรุนในหนูที่ถูกตัดรังไข่ได้ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อการสูญเสียมวลกระดูก จากการทดสอบพบว่า สารสกัดขนาดต่ำสามารถป้องกันการลดลงของระดับแคลเซียมในเลือด และลดการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ ขณะที่สารสกัดขนาดสูง จะลดการขับออกของแคลเซียมทางปัสสาวะเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฟอสฟอรัสในเลือด การวัดระดับของสาร osteocalcin (OCN) และ alkaline phosphatase (ALP) ในเลือด ซึ่งเป็นสารที่บ่งชี้การรวมตัวของมวลกระดูก พบว่าเพิ่มขึ้น 80% และ 55% ตามลำดับ สารสกัดสามารถปกป้องกระดูก โดยลดการสลายของกระดูกเนื้อโปร่ง (trabecular  bone) ซึ่งเป็นกระดูกที่อยู่ด้านใน มีลักษณะสานกันเป็นโครงตาข่าย ทำหน้าที่กระจายแรงในการรับน้ำหนัก ภายในช่องว่างระหว่างเนื้อกระดูกมีหลอดเลือด และไขกระดูกบรรจุอยู่ และเพิ่มมวลของกระดูกเนื้อโปร่ง เมื่อทดสอบโดยใช้กระดูกหน้าแข้ง (tibea) ของหนู โดยออกฤทธิ์ได้เช่นเดียวกับฮอร์โมน estradiol นอกเหนือจากนั้นสารสกัดทั้งสองขนาด มีผลต่อการต้องเพิ่มแรงที่ใช้ ในการทำให้กระดูกต้นขา (femur) ของหนูแตก เนื่องจากสารสกัดทำให้กระดูกส่วนนี้มีความแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้นสารสกัดจากเปลือกต้นทองหลางจึงมีศักยภาพในการนำมาใช้เป็นการทดแทนฮอร์โมน สำหรับป้องกัน และรักษาภาวะกระดูกพรุนในช่วงหมดประจำเดือนได้ (Zhang, et al., 2007)

      ฤทธิ์ของสารสกัด 65%เอทานอล จากเปลือกต้นทองหลางใบด่าง ต่อการยับยั้งการสูญเสียมวลกระดูก ในหนูขาวเพศเมีย สายพันธุ์ Sprague–Dawley ที่ถูกตัดรังไข่  ให้ได้รับสารสกัดทองหลางใบด่างในขนาดต่ำ (200 mg/kg),ขนาดปานกลาง (500 mg/kg) และขนาดสูง (1000 mg/kg) จากนั้นศึกษาคุณสมบัติของกระดูก ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดทองหลางใบด่างในขนาดสูง สามารถลดการขับแคลเซียม และฟอสฟอรัส ทางปัสสาวะ ซึ่งสารทั้งสองเป็นองค์ประกอบสำคัญในกระดูก นอกจากนั้นสารสกัดยังทำให้ระดับแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเลือดคงที่ และมีผลทำให้โครงสร้างภายใน ของกระดูก trabecular (กระดูกเนื้อโปร่ง)และกระดูก cortical (เนื้อกระดูกส่วนทึบแน่น) คงรูปดีขึ้น จากการศึกษานี้จึงสรุปได้ว่าสารสกัดจากทองหลางใบด่างสามารถป้องกันกระดูกพรุนในหนูที่ถูกตัดรังไข่โดยมีกลไกยับยั้งกระบวนการสลายกระดูก โดยทำให้การทำงานของ osteoclast (เซลล์กระดูกแข็ง) เป็นปกติ (Zhang, et al., 2010)

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

       ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองของสารสกัดจากส่วนเปลือกต้นทองหลางใบด่าง ด้วยวิธีการจับอนุมูลอิสระ 1,1-diphenyl-2-picrylhydrazyl (DPPH) พบว่าสารสกัดทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ methanol,n-hexane, carbon tetrachloride และ  chloroform มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในระดับปานกลาง  (IC50เท่ากับ 82.35-484.4 ug/ml) ในขณะที่สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากเปลือก 3 ชนิด ได้แก่ 4',5,7-trihydroxy-8-prenyl isoflavone, alpinum isoflavone และ  6- hydroxygenistein มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง โดยมีค่า IC50 เท่ากับ  6.42, 8.30 และ 8.78 ug/ml ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน ได้แก่ tert-butyl-1-hydroxytoluene (BHT) มีค่า IC50 เท่ากับ 5.88 ug/ml การทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ β-glucosidase ของสารสกัดทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ methanol,n-hexane, carbon tetrachloride และ chloroform พบว่าสามารถยับยั้งได้  34.75, 95.04, 91.49 และ 55.32% ตามลำดับ เบต้ากลูโคซิเดส เป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการต่างๆของไกลโคโปรตีน การยับยั้งเอนไซม์นี้ จะมีผลต่อฤทธิ์ทางชีวภาพหลายประการ เช่น antiviral, antiadhesive, antibacterial, antimetastatic, immunostimulatory agents เป็นต้น (Rahman, et al., 2010)

 

การศึกษาทางคลินิก:

  ไม่มีข้อมูล

อาการไม่พึงประสงค์:

  ไม่มีข้อมูล

         

การศึกษาทางพิษวิทยา:

          การศึกษาพิษเฉียบพลันของสารสกัดน้ำจากเปลือกทองหลางใบด่าง ทดสอบในหนูขาวเพศผู้สายพันธุ์ Wistar ป้อนสารสกัดด้วยน้ำจากทองหลางใบด่าง เพียงครั้งเดียว ในขนาด 500, 1000 และ 2000 mg/kg แก่หนู 3 กลุ่ม (ในแต่ละกลุ่มมีหนู 5 ตัว) สังเกตผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ชั่วโมง และถูกสังเกตเป็นระยะต่อไปอีก 6 ชั่วโมง ของการได้รับสารทดสอบ บันทึกอัตราการตาย และพฤติกรรมทั่วไปของหนูเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง ผลการศึกษาพิษเฉียบพลันพบว่าไม่มีการตายของหนู เมื่อให้สารสกัดน้ำจากเปลือกทองหลางใบด่าง ในขนาดสูงถึง 2000 mg/kg ไม่มีหนูตาย ไม่พบอาการง่วงนอน ไม่มีผลต่ออัตราการหายใจ และไม่มีอาการพิษเกิดขึ้น ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของหนู และเนื้อเยื่อไม่เปลี่ยนแปลง มีรายงานระบุว่า สารทดสอบที่ให้ทางปาก มีค่า LD 50 มากกว่า  1000 mg/kg มีพิษในระดับต่ำ และมีความปลอดภัย จึงเป็นหลักฐานที่สนับสนุนว่า สารสกัดจากเปลือกทองหลางใบด่างสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในขนาดสูงถึง 2,000 mg/kg (Anupama, et al., 2012)

 

     เอกสารอ้างอิง:

1. Anupama, V, Narmadha R, Gopalakrishnan VK, Devaki K. Enzymatic alteration in the vital organs of streptozotocin diabetic rats treated with aqueous extract of Erythrina variegata bark. Int J Pharm Pharm Sci. 2012;4(1):134-147.

2. RahmanMZ,  Rahman  MS, KaisarA, HossainA, Rashid MA. Bioactive isoflavones from Erythrina variegata L. Turk J Pharm Sci. 2010;7(1): 21-28.

3. Xiaoli L, Naili W, Sau WM,Chen ASC, Xinsheng Y. Four new isoflavonoids from the stem bark of Erythrina variegata. Chem Pharm Bull. 2006;54(4): 570-573.

4. Zhang Y, Li Q, Li X, Wan H-Y, Wong M-S. Erythrina variegata extract exerts osteoprotective effects by suppression of the process of bone resorption. British journal of nutrition. 2010;104: 965-971.

5. Zhang Y, Li X-L, Lai W-P, Chen B, Chow H-K, Wu C-F, et al. Anti-osteoporotic effect of Erythrina variegata L. in ovariectomized rats. J Ethnopharmacology. 2007; 109:165-169.

 

ข้อมูลตำรับยาแก้ลมอัมพฤกษ์  : phar.ubu.ac.th/herb-thairemedy/

จำนวนครั้งที่มีการอ้างอิงหน้าเว็บไซต์นี้: 4
เกี่ยวกับระบบ:

ระบบนี้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก ระบบฐานข้อมูลสมุนไพรทั้ง 4 ฐาน โดยผู้พัฒนาได้ดำเนินการสร้างหน้า UX/UI ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกันกับเว็บไซต์ของคณะเภสัชศาสตร์ มอบ. แต่ยังคงใช้ฐานข้อมูล Database ของฐานข้อมูลสมุนไพรทั้ง 4 ฐานเดิมอยู่